วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ทำวีซ่าจีน

การทำวีซ่าจีน 

เรียน เพื่อนนักเดินทางขาลุย กับทริปแบกเป้ตามใจฉัน หนาวนี้ที่ลี่เจียง สำหรับการทำวีซ่าจีนค่ะ สามารถฝากไปยื่นกันได้ มีใครจะรับอาสาไม้น้าาา สำหรับการไป ไม่ต้องใช้หนังสือรับรองเงินเดือนหรือสเตทเม้นท์นะคะ ค่าธรรมเนียม 1000 บาท  โดย ยื่น 1  วัน  และนัดรับเล่มอีก  4 วันถัดไป   มีรับด่วนด้วยแบบ วันเดียวได้แต่เสียค่าธรรมเนียมให้สถานฑูตเพิ่ม  สามารถสอบถามได้ที่สถานฑูตเลย

สิ่งที่ท่านจะต้องเตรียม 
เอกสารประกอบการขอวีซ่า
1.ฟอร์มขอวีซ่า หาในgoogleได้เลยค่ะ พิมพ์ visa china v.2013
กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย ขอวีซ่าจีนยื่นแทนกันได้นะคะ ไม่ต้องใช้ใบมอบ 
ในฟอร์มท้ายสุดก็เซ็นชื่อในช่องที่ว่ามายื่นด้วยตนเอง และไม่ต้องกรอกข้อมูลในช่องของผู้ที่ไปยื่นแทน เว้นว่างไปเลยค่ะ
2. passportตัวจริง และสำเนาหน้าแรก 1ชุดรับรองสำเนา
3.รูปถ่าย 2นิ้ว  หรือ 1 นิ้ว ก็ได้ค่ะ   1ใบ พื้นหลังฟ้าหรือขาว
4.ใบจองตั๋วเครื่องบิน และใบจองที่พัก
5. ค่าธรรมเนียม 1000 บาท (ชำระวันที่ไปรับ)


ดาวน์โหลด ใบคำร้องขอวีซ่า  visa china v.2013   ได้ที่  http://www.freechinavisa.org/V2013.pdf
หรือ  อ่านรายละเอียดได้จาก  http://www.freechinavisa.org/visa-news.php
ตัวอย่างเอกสาร เดี๋ยวจะทำการกรอกมาให้ดูเป็นตัวอย่างอีกทีนะคะ  เพราะทำไปอัพเดตไปคร่าาาาา
ใบคำร้องมี 4 ส่วน    
1   รายละเอียดผู้ยื่นขอวีซ่า
ส่วนที่ 2 รายละเอียดการเดินทาง

 ส่วนที่ 3  รายละเอียดอื่นๆ  

ส่วนที่ 4  ลงลายมือชื่อ 

ในแต่ละส่วนเดี๋ยวผู้เขียนจะหาข้อมูลใส่ให้ดูเป็๋นตัวอย่างนะคะ 
http://www.freechinavisa.org/touristvisa.php

                                ตัวอย่างการกรอกเอกสาร





  
อัตราค่าธรรมเนียม  (ใครที่ต้องการขอแบบ 2 ครั้ง หรือ หลายครั้ง กรุณาเตรียมเงินค่าวีซ่าให้ถูกประเภทด้วย 
Single Entry        $30   เข้าออกครั้งเดียว 1500 บาท
Double Entry $45   เข้าออก 2ครั้ง ภายใน 6 เดือน   2500  บาท 
 http://lijing9430.blogspot.com/2013/12/blog-post.html


วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หนาวนี้ที่ลี่เจียง 12-16 มีค 57 ภาคที่ 1


แบกเป้ตามใจฉัน สไตล์ดอกไม้ทะเลทราย
ทริปคุนหมิง ต้าลี่ ลี่เจียง (ภูเขาหิมะมังกรหยก)



เป็นอีกเมืองนึงที่เราอยากไป ลี่เจียง
เมืองเก่าลี่เจียง ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ 
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 1997 ก่อตั้งขึ้นในปลายราชวงศ์ซ่งใต้ ต้นราชวงศ์หยวน ที่ชาวมองโกลได้ขยายอาณาเขตเข้ามาปกครองจีน (ในช่วงราวปี ค.ศ.1180-1250) ผู้ปกครองเดิมถู่ซือ
ได้ย้ายจากเมืองเก่าที่ไป๋ซา มาเนินเขาสิงโตและได้สร้างเมืองใหม่ที่เรียกว่า “ต้าเย่อฉั่ง”
และ ภูเขาหิมะมังกรหยก หรือ อวี้หลงเสวี่ยซาน ประกอบด้วยยอดเขา 13 ยอด 
เป็นสัญลักษณ์ของเมืองลี่เจียง ยอดเขาที่สูงที่สุดสูงถึง 5,600 เมตร
 จากระดับน้ำทะเล และมีคนปีนขึ้นไปครั้งแรกเมื่อปี 1963 






สืบเนื่องจากทริปคุนหมิง ต้าลี่ลี่เจียง 12-16 มีค 57 นี้ หากแฟนเพจท่านใดสนใจแบกเป้
ตลุยท้าลมหนาวกัน ก้อรีบจองตั๋วล่วงหน้านะคะ เพราะจะได้ราคาที่ถูกลง
 ณ ตอนนี้ อยู่ที่ไม่ถึง 4000 บาท แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสกับราคา ตัดสินใจแล้วค่อยจองทีหลังก้อได้
 ราคาไม่น่าจะเกิน 5-6000 ก้อยังถือว่าถูกอยู่ค่ะ แล้วแบกเป้ไปด้วยกัน
 กับทริปอิสระ สไตล์ดอกไม้ทะเลทรายนะคะ






ตั้งงบไว้ 5-8 พัน บาทค่ะ ไม่รวมตั๋วไปกลับ แล้วยังไงจะอัพเดตแผนเดินทางอีกทีกับค่าใช่จ่าย 
เพราะที่ราคาจะแพงก้อคือ ภูเขาหิมะมังกรหยก ที่เราอาจจต้องซื้อทัวร์วันเดียว 
ที่รวมค่ากระเช้า โชว์ แล้วก้อสถานที่ใกล้เคียง ในราคา ประมาณ 3000 บาท 
อาศัยนอนบนรถกลางคืน ซึ่งก้อคงประหยัดค่าโรงแรมไปได้อยู่บ้าง 
อิอิอิอิ แบคแพคแบบประหยัดค่ะ สู้ สู้

คอนเฟิร์ม สมาชิกด้วยการจองตั๋วแล้ว 
 ใจจริงอยากจะไปให้ถึงแชงกรีล่า ค่ะ 
แต่เนื่องด้วยวันและเวลาจำกัด เราจึงไปแค่ลี่เจียงก่อน 
แล้วถึงจะจัดทริป 2 สำหรับ แชงกรีล่า ...........
ถ้าคุณพร้อม.... งั้นเราก้ออกไปล่าฝันด้วยกันเถอะนะ 

มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 ท่าน  แต่ 2 ท่านนี้ได้ราคาตั๋วที่ 6020 บาท ต่อคน
 ก้อยังถือว่า โอเคนะคะ สำหรับราคาบินไปกลับ ได้เฮกันแล้วค่ะงานนี้ 


อัพเดตเพื่อนร่วมทางก่อนนะคะ 

1 พี่บังรอน กับแฟน กับเพื่อน รวม 3 ท่าน
2 เรา อิอิอิ สาวโสดแสนซนคนสวย อิอิอิอิ
3 พี่ล้าน แฟนคลับตัวจริงของเรา 5555
พร้อมลุยเต็มที่ค่ะ 


อัพเดตสมาชิกเพิ่มอีก 2 ท่าน ด้วยการคอนเฟิร์มตั๋วเรียบร้อย 
คุณภาสุวัฒน์ จันทรเศรษฐ
กับคุณแม่ คุณจิราวรรณ จันทรเศรษฐ
ราคาตั๋วท่านละ 6300 ไปกลับ

สมาชิกคอนเฟิร์มตั๋วเครื่องบินไป กลับมาแล้ว จำนวน 8 ท่าน ณ ตอนนี้ 
ติดตามข้อมูลการเดินทาง ได้จากเพจดอกไม้ทะเลทราย นะคะ 
เพจไม่แสวงหากำไร นอกจากความสะใจล้วนๆ 
https://www.facebook.com/DxkmiThaleThrayDesertFlower




คอนเฟิร์มที่นั่งมาอีก 2 ค่ะ คุณสุรศักดิ์ กับคุณนิตยา ได้ราคา 2 คน 12600 บาท 
รวมราคาที่นั่งเพราะอันนี้มาเป็นคู่ อิอิอิอิ แล้วน้องๆ สองคน ขอรับอาสา
 รวบรวมไปยื่นวีซ่าให้สำหรับคนที่ไม่สะดวกค่ะ ต้องขอบคุณน้องๆ 
มาล่วงหน้าด้วย ณ โอกาศนี้ค่าาา รวม สมาชิก ได้ 12 แล้วค่ะ 
ตอนนี้ สงสัยที่ลี่เจียงจะไม่หนาวเท่าไร เพราะทริปนี้สมาชิกคับคั่งกันน่าดู อบอุ่น อบอุ่น 555






วันจันทร์จะเริ่มทำแผน แล้วก้ออัพเดตราคาคร่าวๆ โดยประมาณ มาให้นะคะ ไม่แน่ใจว่าแผนที่ทำไป สมาชิกจะเห็นด้วยประการใด ก้อค่อยมาโหวต มาคุยกันอีกที
 เพราะอาจจะมีบางท่าน ที่อยากไปและไม่อยากไปในบางสถานที่
 แต่ก้อเรียนให้ทราบก่อนว่า ทริปของเราเป็นทริปอิสระนะคะ เพราะจ่ายใครจ่ายมัน 
ไม่มีการบังคับกันแต่อย่างใด สมาชิกบางท่านอาจจะแยกตัวไปเที่ยวเองก้อได้ไม่ว่ากันค่ะ
 แต่จะมีการจองห้องพัก แล้วก้อรถเหมาอะไรพวกนี้ ที่ต้องยืนยันจ่ายเงินกันก่อนล่วงหน้า
 เพราะจะต้องหาห้องและหารกันให้ลงตัว เพราะบางท่านอาจจะอยากนอนคู่ 
บางท่านอาจจะอยากนอนเดี่ยว หรือบางท่านยังไงก้อได้ นอนรวม เ
พราะเราเน้นประหยัด เลยอยากให้อยุ่ในงบที่ทุกคนรับได้ 
ใครมีขีดความสามารถที่จะจ่ายได้มากกว่า ก้อไม่ว่ากันอีก เช่นกันค่ะ 
ตอนนี้ลองคิด ค่าใช่จ่าย ดีดเล่นๆ เป็นตัวเลขที่ อยู่ที่ 8000
 แหะ แหะ สูงไม่ใช่เล่น สำหรับสามเมือง คุนหมิง ต้าลี่ ลี่เจียง (ภูขาหิมะมังกรหยก)

อัพเดตแผนกันอีกรอบ ตอนนี้มี คุณสุ กับคุณกบ คอนเฟิร์ม ที่นั่งมาอีก 2 ท่าน รวม 19 ท่านแล้วค่ะ 

กับทริปลี่เจียง ตอนนี้ทำราคาแบบคร่าวๆ โดยประมาณ 
มาให้สมาชิกได้เริ่มเก็บเงิน กันแว้ววว 
คชจ แบบไม่รวมตั๋วเครื่องบิน
12 มีค 57 จากไทย ไปคุนหมิง ถึงแล้วนั่งรถบัสไปต้าลี่ ประมาณ 600-800 บาท นั่งแท้กซี่ไปเมืองเก่า 150-200 บาท (หารกัน)
เข้าเมืองเก่าต้าลี่ นอน 1 คืน 3-500 บาท
 (ถ้าเป็นเตียงรวมถูกกว่า ก้อนอนรวม ถ้าเป็นห้องหารกันแล้วถูกกว่า ก้อเอาแบบเป็นห้อง)

13 มีค 57 เช้า ต่อรถไปลี่เจียง 4-500 บาท ค่าเข้าเมืองเก่าลี่เจียงอีก 400 บาท นอน 1 คืน 3-500 บาท เที่ยวๆ ชิวๆ ในเมืองเก่า (รายละเอียดทีหลัง)
14 มีค 57 เช้า ไปภูเขาหิมะ กับดูโชว์ จางอี้โหมว ประมาณ 2800-3000 บาท
 (น่าจะซื้อแบบที่เขาขายทัวร์ เพราะเบ็ดเสร็จ รถรับส่ง  )
15 มีค 57 เช้า เที่ยวในลี่เจียง ซื้อของฝาก (รายละเอียดทีหลัง ว่าสามารถไปไหนได้บ้าง)
- เย็น นั่งรถไฟกลับคุนหมิง ตู้นอน ประมาณ 8-9 ชม รอบ 19.05 จะได้ไปถึงเช้าที่คุนหมิง 800 บาท
16 มีค 57 ถึงคุนหมิง หารถต่อไปสนามบิน 2-300 บาท 
ราคาทั้งหมดนี้เป็นราคาแลกเปลี่ยนโดยประมาณ ตีราคาเป็นเงินไทยให้เบื้องต้นก่อน 
จะได้รู้ว่าจะต้องใช้ประมาณเท่าไร 
ปล. ราคานี้ ยังไม่รวม ค่ากิน กับค่าเข้าสถานที่อื่นๆ อีกยิบย่อย ที่นอกเหนือจากแผนนี้ เพราะที่นั่น ทุกที่เสียค่าเข้าหมด ตามแผนนี้ คชจ โดยประมาณ จะอยู่ที่ 8000++++ ต่อคน ถ้ามีสถานที่นอกเหนือจากนี้ คชจ. ก้อจะเพิ่มขึ้นค่ะ เช่น ถ้าใครอยากจะไป ถ้ำ จิ่วเซียง ซึ่งอยู่ห่างจาก ป่าหินงามไป 29 โล 
ก้อจะต้องเสียค่าแท้กซี่เพิ่ม และค่าเข้าอีกประมาณ 6-800 บาท แต่เนื่องด้วยเวลาของเราที่จำกัด
จึงเลือกไปแต่ที่หลักๆ ก่อน และเพื่อให้ร่างกายเราได้ปรับระดับ ก่อนจะขึ้นที่สูงๆ คือ ลี่เจียง 
เผื่อใครเป็นโรคแพ้ความสูง ร่างกายจะได้มีเวลาปรับตัว

เราเลือกที่พักที่ต้าลี่ 1 คืน และจะเที่ยวที่นั่น 1 วัน 
The Jade Emu and The Jade Roo
International Guesthouses, Dali, Yunnan Province, China
เราสนใจที่พักที่นี่ เพราะราคาไม่แพงนัก เหมาะสำหรับแบ๊กแพคอย่างเรา
 เบื้องต้นเราขอจองที่พักไปเป็นราคาประมาณนี้ เพราะเราอยากให้สมาชิกทุกคนได้พักที่เดียวกัน
 จึงนำมาให้สมาชิกดูกันก่อนล่วงหน้า เผื่อใครมีไอเดียแปลกใหม่กว่านี้ 
ก้อจะได้ช่วยกันปรับเปลี่ยน เพราะทริปลี่เจียงทุกคนมีส่วนร่วมทั้งสิ้น 

และนี่เป็นราคาห้องพัก ทั้งสองเมือง






อาจมีการปรับเปลี่ยน จำนวนสมาชิกบ้างนะคะ เพราะ จะมี สมาชิกจำนวนนึง 
จำเป็นจะต้องแยกกลุ่ม เพราะมีสมาชิกบางท่านเป็นผู้สูงอายุ และไม่เคยเที่ยวแบบผจญภัย 
ไม่ถนัดกับการแบกเป้ อย่างที่บอกค่ะ เราเป็นนักแบกเป้ เน้นการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
 แบบประหยัดเป็นหลัก การเดินทางที่อาจจะไม่สะดวกสบายเท่าไร
 แต่ก้อไม่ได้ลำบากอะไร เพราะประสบการณ์จริง มันคุ้มค่ามาก และมากกว่าที่เราคิดไว้ 
ใครบางคนพูดไว้ ไม่มีฝันใดที่ใหญ่เกิน และไม่มีฝันใดที่เล็กเกินไป 
ทุกคนมีฝัน ออกไปคว้ามันกันเถอะค่ะ 

รักเดินทางต้องมั่นใจ ปัญหามีไว้ให้เผชิญและแก้ไข ...........
ดอกไม้ทะเลทราย Desert Flower



ปล. ถ้าหากมีสมาชิกท่านใดที่คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับการเดินทางแบบไปด้วยตัวเอง 
สำหรับทริปนี้ แจ้งได้นะคะ จะได้จัดให้ไปกับอีกกลุ่ม โดยมีค่าใช้จ่ายประัมาณ 16000 บาท
(ไม่รวมตั๋ว)
น้องเปิ้ล สาวน้อย วัย 27 ของเรา น้องยืนยันตั๋วมาแล้วเรียบร้อย 
และจะเป็นทริปแบกเป้ที่ไกลที่สุดที่เธอจะไปลุยกับเรา ก่อนหน้านั้น เธอไปลาว 
กับเพื่อน ๆแต่ทริปนี้ น้องฉายเดี่ยวมาคนเดียว 
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ สำหรับคนที่มีฝัน 
ดอกไม้ทะเลทราย ยินดีรับใช้ หากจะทำให้ฝันของใครต่อใครเป็นจริงค่ะ 

ทริปคุนหมิง ต้าลี่ลี่เจียง เรามาอัพเดตจำนวนและรายชื่อเพื่อนๆสมาชิกกันก่อนนะคะ 
1 ดอกไม้ทะเลทราย
2 พี่รอน 1 
3 พี่รอน 2
4 พี่รอน 3
5 พี่ล้าน
6 คุณภาสุวัฒน์
7 คุณจิราวรรณ
8 tonkung951 
9 คุณสุรศักดิ์
10 คุณนิตยา
11 คุณเก๋
12 คุณ จอย
13 พี่นิค
14 พี่เอ๋แดนใต้ ปัตตานี
15 น้องเปิ้ล
16 tonkung 2
17 น้องเกด
                           แต่ขอย้ำ อีกครั้งนะคะ ว่าทริปนี้เป็นทริปแบกเป้ 
ทุกคนบริการตัวเองนะคะ เป็นการเดินทางแบบไปด้วยตัวเอง เน้นประหยัดเป็นหลัก 
รับขาลุย   พวกขาวีน ขาเหวี่ยง เรื่องมาก ไม่ควรไปแบบนี้นะคะ เพราะทริปนี้จะสนุกตรงที่ว่า 
เราจะทำยังไงให้ไปถึงจุดหมาย ระหว่างทาง อาจจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นพอให้
สารอะดรีนาลีนมันฉีดพล่านบ้าง อิอิอิ แต่เราก้อจะยังไปตามฝันของเราด้วยกันค่ะ 


เช้าวันที่  12  มีค 57 
เราออกเดินทางตั้งแต่คืนที่ 11  จากพิดโลกด้วยรถทัวร์  ไปลงรังสิต แล้วต่อแท้กซี่ไปสนามบินดอนเมือง  ถึงในตอนเช้ามืดของวันที่  12    ประมาณ  ตี 4   นัดสมาชิกไว้ ตอน 7 โมงเช้า  เพื่อรับพาสปอร์ตและผ่านด่าน ตม. กัน    สมาชิกทยอยมากันแล้วก็ทำการเช็คอิน แต่เราเช็คอินล่วงหน้าแล้วที่ตู้คีออส หน้าประตูทางเข้านั่นเอง  

วิธีการเช็คอินหน้าตู้คีออส  ก็ให้ใส่รหัสบุ้คกิ้งของเราลงไป   แล้วเลือกยืนยัน  ระบบจะโชว์ชื่อ วัน และเวลา เดินทางรวมทั้ง เที่ยวบิน  ถ้าถูกต้องเราก็ยืนยัน



ระบบก็จะปริ้นท์ใบ บรอดดิ้งพาสให้ หรือ ตั๋วนั้นเอง ไว้สำหรับผ่านเข้า ตม. ได้เลย โดยไม่ต้องรอเช็คอินที่เคาน์เตอร์   แต่ต้องเป็นผู้ที่ไม่โหลดกระเป๋านะคะ   ที่สามารถผ่านได้เลย  แต่สำหรับคนที่โหลดกระเป๋า ก็ยังต้องไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์อยู่ดี  



หลังจากผ่านด่านตม เสร็จแล้ว ก็บินไปคุนหมิงกันค่ะ  เที่ยวออก  09.00  น ประมาณนี้  ไปถึง เที่ยงๆ  บ่าย
ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของคุนหมิงประเทศจีน   เราก็หารถบัสเข้าเมืองกันค่ะ   
อากาศวันนี้  14-17 องศาค่ะที่คุนหมิง  หนาวโครตๆ อ่ะ  

วันนี้มีทหารประจำการทั่วเมือง เพราะก่อนหน้านั้นมีกลุ่มหัวรุนแรงไล่แทงผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว
บาดเจ็บและตายเป็นจำนวนมากในคุนหมิงสถานีรถไฟ งั้นขอยืนใกล้รถถังก่อนค่ะ  อุ่นใจดี



เมื่อไปออกมายืนด้านหน้าสนามบินแล้ว  ให้หันไปทางขวามือ  เดินไปเรื่อยค่ะ  จะมีจุดจอดรถ Airport Bus  อยู่    เราจะไปต่อรถที่สถานีรถบัส West bus station  ที่คุนหมิง เพื่อไปต้าลี่ค่ะ  
จะมีเคานต์เตอร์ขายตั๋วอยู่   เลือกรถบัส สาย  919B1  ราคาคนละ  13 หยวน   ค่ะ  
รถจะใช้เวลาวิ่งเข้าตัวเมืองประมาณ 1 ชม  โดยจะไปจอดสุดสายที่สถานีจอดรถบัส   จอดแล้วก็เดินออกมา หันไปทางซ้ายมือ เดินข้ามถนน  ฝั่งตรงข้ามจะเป็นสถานีรถบัสค่ะ 
เดินข้ามไปแล้ว  จะเห็นว่าข้างในจะมีช่องขายตั๋วอยู่เป็น 10 ช่อง  เลือกช่องไหนก็ได้นะคะ
  เดินไปต่อคิวซื้อได้เลย   รถจะมีหลายรอบ ใช้เวลาเดินทางไปต้าลี่ ประมาณ  4 ชม  ราคา  111  หยวน  จะเป็นรถเล็ก ประมาณ 20  ที่นั่ง ประมาณนี้   ก่อนจะเข้าไป ก็ต้องผ่านด่านตรวจกระเป๋า 
จะมีที่สแกนก่อนจะเข้าไปยังชานชาลา ค่ะ  



พี่สุกับน้องเกด   สนุกกับการลองชิม มาม่าจีน


ที่นั่งภายในรถ แบบเก๋ๆ  แถวละ 2  มีถังขยะวางข้างๆ ให้ด้วย อิอิอิ
แต่ก้อไม่รู้สินะคะ  สมาชิก 17 คน ขึ้นรถที ก็เต็มแล้ว  55555


ระหว่างทางจะแวะให้เข้าห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี่ใช้ได้ สอาด รูปแบบตามสไตล์จีน เป็นราง ยาว 
 แต่ประตูมิดชิด  มีน้ำไหลล้างกันเป็นรอบๆ   


หาไรรองท้อง


สมาชิกยืดเส้นยืดสาย


มีกับข้าวเป็นชุดด้วย ชุดละ  25 หยวน เป็นถาดหลุม มีกับข้าวเลือกได้ 3-4 อย่าง
สามารถตักข้าวได้ไม่อั้น  แต่เราไม่ได้กิน


ระหว่างรอพลขับกลับมาทำหน้าที่


เราเลือกเที่ยว 15.30  น  ซึ่งคงไปแล้วก็ค่ำนิดหน่อย  ลงจากรถได้ก็ถามราคาไปต้าลี่กู่เฉิง เพราะเราจองโรงแรม The Jade Emu Guesthouse  International ไว้  จองล่วงหน้ามาจาก  www.booking.com 



น้องเจียวชิวๆ กับเบียร์แบบเบาๆ 


โรงแรมจะอยู่ตรงข้ามกับประตูเมืองเก่า เราต่อราคารถมาได้ที่ คนละ 10  หยวน เพื่อไปยังโรงแรม
ไกลพอสมควรจากสถานีรถบัสต้าลี่  แต่ก็ไปถึงโรงแรม   โรงแรมจะอยู่ในซอยนิดนึง ข้างหน้าจะเป็นโรงแรม  77  ตั้งอยู่ด้านหน้า  เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึง   โรงแรมที่เราพัก ไม่มีอาหารเช้าให้  ราคาห้องคู่คืนละ 800 +  บาท  หาร2 แล้วตก คนละ 400  มีน้ำอุ่นให้อาบ เตียงไฟฟ้า  ทีวี  แล้วก็น้ำดื่มฟรีให้กดได้ โดยเตรียมขวดไปใส่เอง  อิอิอิอิ   มีอาหารขาย มีเบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มจำหน่ายด้วย

เราถึงที่พักกันแล้วก็ ลงมาหารไรทาน  เรามีมาม่าคัพติดไป เลยได้เป็นมื้อเย็นสำหรับวันแรกที่ต้าลี่ 
บ้างก็สั่งเบียร์  สั่งอาหารที่โรงแรมมาทาน    ทานเสร็จเราก็ไปเดินเมืองเก่าดีกว่า  โผล่มาหน้าถนนโรงแรม  เดินข้ามถนนไป  ก็เป็นประตูเมืองเก่า  เวลาดึกๆ แบบนี้  จะมีผับบาร์เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว  คึกคักกันพอสมควร   แต่วันที่เราไป  คนเงียบๆ หน่อย  เดินไปเรื่อย  จะมีร้าน เคเอฟซี อยู่ด้านขวามือ  ก่อนจะถึงประตูปราสาท   สมาชิกบางส่วนก็ได้อาศัยฝากท้องที่นี่แหละค่ะ 
เดินเล่นกันไป ถ่ายรูป อากาศเย็นพอสมควร

เมืองเก่าต้าลี่





โรงแรม 77  หน้าปากซอยโรงแรมที่เราพัก




ถัดจากโรงแรม 77 เข้าไปในซอย ก็จะเป็นโรงแรมที่เราพัก  ซึ่งมี 2  ตึก ตรงข้ามกัน 
เราหลับกันอย่างสบาย เพราะห้องพัก ดีค่อนข้างสะอาด   มีตู้กดน้ำดื่มฟรี แต่เราต้องหา
ขวดไปกรอกเอง  ที่โรงแรม เจด อีมู  ก็จะมีครัวสามารถสั่งอาหารมาทานได้  
โดยค่าห้องพักไม่รวมอาหาร น้ำดื่ม  และมีไวไฟด้วย  แต่ที่จีนเล่นเฟซบุ้คไม่ได้ค่ะ  
อาจจะเพราะเนื่องจากรัฐบาลของจีนไม่ให้ประชาชนเล่นเฟซบุ้คกัน 

เราตื่นกันแต่เช้า วันนี้มีเวลา 1 วันในต้าลี่   เราหมายตา เจดีย์ 3 องค์ ไว้ สามารถนั่งรถเมล์จากหน้าที่พักไปได้   ถนนหนทางที่จีนคนละเลนต่างจากบ้านเรานะคะ  จะข้ามถนนจะทำอะไร  ระวังกันด้วยล่ะ 
เราเดินออกมาจากที่พักหน้าถนนกัน  ช่วงนี้ซากุระในจีนบานสะพรั่งสวยงาม  ดอกโตๆ  ฟูหนา
สีสรรสดใสสวยงามมาก  แม้กระทั่งตามถนนหนทางทั่วไป ก็พบเห็นได้ไม่ยากเย็น



ไหนๆ ก็ไหนๆ  พร้อมใจกันถ่ายรูปหน่อย



ถ่ายรูปกันเสร็จ เราก็เกาะกลุ่มกันเดินไปหารถเมล์ โดยข้ามถนนไปอีกฝั่งนึง 
แต่สมาชิกบางส่วนบอกในเมืองเก่าที่เอเจ้นท์ขายตั๋วรถอยู่ เราเลยว่าควรจะไป
หารถที่จะไปลี่เจียงทิ้งไว้ก่อนดีกว่า  เพราะช่วงบ่ายๆ เราจะได้ไปลี่เจียงกันก่อนค่ำ 
จะได้มีเวลาพักผ่อน ก่อนที่จะต้องขึ้นภูเขาหิมะ เอี้ยหลงเสี่ยซาน
เราพากันเดินตรงไปที่ถนนเพื่อไปยังประตูเมืองเก่าที่อยู่ถัดออกไปอีก 1 ประตู










เจอร้านเอเจ้นท์ขายตั๋ว เนื่องจากสมาชิกเรามี 17 คน  น่าจะได้รถบัสเล็กแบบพอดีคน 1 คัน
แต่เรื่องราคาเราก็ต่อรองกันหน่อย เพราะจากโรงแรมเราถาม ตกคนละ 75   
ในเมืองเก่าลี่เจียงตอนกลางคืน   70   ถามเจ้คนนี้  ต่อไปต่อมาได้คนละ 65  แล้วให้รถไปรับที่โรงแรม
ตอนบ่ายสองด้วย  ตามสไตล์จีนกะไทยนะคะ  บอกราคาตอนแรก เจ้ไม่ยอมลด เท่าไรก็ไม่ยอม
มุขเดิมๆ แต่ได้ผล เราทำไม่สนใจแล้วเดินออก   เจ้ร้องเรียก บอก โอเคๆๆ   นางพูดอังกฤษ
ได้นิดหน่อย  แต่ก็พยายามสื่อสารกันไป   พอได้รถแล้ว จ่ายตังค์เรียบร้อย
ก่อนจะกลับออกไปขึ้นรถไปเจดีย์ สามองค์  เราเลยว่าหาอะไรกินกันดีกว่า  




ระหว่างทางก็เดินดูร้านรวงต่างๆ  มองหาร้านอาหารที่สะอาด ราคาไม่แพง เพราะใน
เมืองเก่าต้าลี่มีหลายร้านทีเดียว ที่ตกแต่ง และดูน่าสนใจ


เราเดินมากันเรื่อยๆ เจอร้านนี้  โหวตกันดูแล้ว เอาร้านนี้ดีกว่า  ดูน่าสนใจ  
หน้าร้านอาหารที่นี่ รูปแบบการจัดจะคล้ายๆ กัน คือเอาผัก เอาอาหารทะเล 
หอยปูปลา   มาวางโชว์ด้านหน้าให้เลือกชี้กินกันได้  





ได้ที่นั่งแล้วก็ แชะ ไว้เป็นหลักฐาน


อาหมวยจัดชุดถ้วย ช้อนมาให้


ในชุดจะประกอบด้วยสิ่งต่างๆ ดังภาพ   ร้านอาหารจีนที่เขาเน้นสะอาด เขาจะจัดมาเป็นชุด
ในถุงพลาสติกเลยแบบนี้เลยค่ะ  แต่เสียเงินนะคะ ไม่ว่าคุณจะอยากจ่ายหรือไม่ก็ตาม
ชุดนึงประมาณ  5-8 หยวน  อาจจะเพื่อความสะอาดหรืออะไรก็ไม่ทราบได้
แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่กินข้าวร้านอาหารแล้วต้องเสียค่าใช้จาน ช้อน


อาหารที่สั่งไว้เริ่มทยอยมา  จานนึงก็ประมาณ 70-150 บาท มีทั้งอาหารเป็นจาน
และพวกข้าวผัด   ข้าวผัดที่จีนจานใหญ่นะคะ  อาจจะใหญ่ตามราคา
เพราะอาหารจีนแต่ละจาน ราคาสูงกว่าที่ไทยเยอะมาก  จริงๆ เราว่า 
ถ้าไปกันสัก 2 คน สั่งมาแชร์กัน  1 จาน  เราว่าอิ่มกำลังดีนะ  แต่ด้วยความไม่รู้ 
สั่งมาปุ้บ คนละจาน  กินกันไม่หมด สุดท้ายเลยต้องห่อใส่กล่องกลับไปกินต่อ


อิ่มแล้วก็เดินออกมาจากเมืองเก่ากัน  โบกรถเมล์ได้  จ่ายค่ารถคนละ หยวน สองหยวน
ขึ้นทางด้านหน้า เวลาลงก็ลงประตูกลาง   เราส่งกระดาษที่เขียนชื่อไว้   
โรงแรมเขียนมาให้เรา ว่าเราจะไปที่ไหน  เราส่งกระดาษให้คนขับรถ  
เขายิ้ม บอก โอเคๆ  คือคนจีนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พูดอังกฤษนะคะ  
อาจจะด้วยความเป็นชาตินิยมสูง เขาไม่นิยมพูดอังกฤษกันเท่าไร  
รถมาจอดให้ข้างหน้า เจดีย์สามองค์   เห็นกันมาแต่ไกล  







ป้ายด้านหน้า  บริเวณด้านหน้าสามารถเดินเล่นได้รอบๆ  โดยที่ไม่ต้องเข้าไปข้างในก็ได้


แต่สมาชิกบางส่วนเข้าไปข้างใน ก็เอาบัตรนักศึกษาที่ทำมาเข้าไปใช้ซะหน่อย  
ได้ส่วนลดมากันเกือบครึ่ง ก็ยังดีนะ  ที่ได้ส่วนลด เพราะที่จีนมีค่าเข้าทุกที่
ราคาค่อนข้างแพงทั้งนั้นเลย


เดินผ่านประตูมาข้างในแล้ว ก็จะเจอบรรยากาศแบบนี้
เจดีย์สามองค์ ถือได้ว่าเป็นเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์  เนื่องจากเกิดเหตุการ์ณ
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในต้าลี่  ทุกอย่างพังทลาย ยกเว้นเจดีย์สามองค์นี้
ซึ่งเป็นที่อัศจรรย์ของชาวเมืองเป็นอย่างมาก





เห็นต้นไม้ต้นนึง ยังมีคนเอาหัวใจมาคล้อง 





ข้างๆกันกับเจดีย์สามองค์  สามารถไปเช่าชุดเผ่าพื้นเมืองถ่ายรูปได้ด้วย








ดูจากรูปนี้ จะเห็นได้ว่า ที่เจดีย์สามองค์ กว้างใหญ่ไพศาล  มีหลายชั้น สามารถเดินขึ้นไปได้เรื่อย 
จนถึงวัดต่างๆ  ที่อยู่ตามชั้นต่างๆ  แต่จริงๆ เขาจะมีรถกลอฟ์ บริการรับส่งไปจนชั้นบนสุด
ซึ่งไกลพอสมควร  อาจจะให้เขาไปส่งไว้บนสุด แล้วเดินลงย้อนกลับมาเรื่อยๆ ก็ได้
แต่เราสองชั้น ก็หอบรับทานแล้วล่ะ 



ภายในบริเวณ ซากุระ อวดดอกสวยกันสะพรั่ง  บวกกับอากาศเย็นๆ 
ฟินอ่ะ 





การเดินที่นี่ เขาจะทำแบบ เข้าอีกทาง วนออกอีกทาง เพราะขาออกที่นี่
ก็จะเต็มไปด้วยร้านขายของ เป็นกลยุทธ์อย่างนึงของจีน ประมาณว่า 
ทำดักกันไว้เลย  อย่างน้อยก็ต้องซื้อกันบ้างแหละนะ  ว่าป่ะ


ผลไม้สดๆ


หรือจะเป็นอบแห้ง


เราเรียกสามล้อเครื่องและรถตู้เล็กให้กลับไปส่งโรงแรมในราคาคันละไม่กี่สิบหยวน
เพราะรถบัสจะมารับในตอนบ่ายสองเพื่อต่อไปยังลี่เจียง   เรากลับไปเก็บของไม่นานรถก็มา
เป็นรถบัสเล็ก กลางเก่า  ที่นั่งพอดี 17 คน   จากที่นี่เราจะใช้เวลาประมาณ  3 ชม 
เพื่อไปลี่เจียงกัน  จองที่พักมาแล้วล่วงหน้าจาก บุ้คกิ่ง  2 คืน  ราคาไม่แพงมาก  
ระหว่างที่นั่งรถกันไป  จริงๆ  คนขับรถต้องไปส่งเราที่เมืองเก่า เพราะเหมือนกับว่าเราเหมาแล้ว
แต่ยังไม่ไม่รู้ คนขับขอค่าไปส่งอีก 100 หยวน  ประมาณ 500  บาท  แต่เราไม่ได้ตกลงกันก่อน
คนขับรถโทรหาเจ้าของโรงแรม  คุยไปคุยมาก็ไม่เข้าใจกันอยู่ดี  แต่ที่แน่ๆ เราไม่ยอมจ่าย


ในเมื่อเราไม่ยอมจ่าย คนขับรถจึงส่งพวกเราแค่สถานีรถบัสในลี่เจียงแทน  
แต่เจ้าของโรงแรมก็มีน้ำใจมารับพวกเราถึงที่  ตอนแรกเธอแนะนำให้
นั่งรถแท้กซี่ไป แต่เราบอกเงินพวกเรามีไม่มาก  อาหมวยประจำโรงแรม
จึงพาเราขึ้นรถเมล์ คนละ 1 หยวนแทน  โดยเดินไปจากสถานีสักเล็กน้อย
จะถึงป้ายรถเมล์  เราต้องรอรถเมล์ สายที่ 2  เพื่อที่จะผ่านถนนที่โรงแรมอยู่พอดี
โดยโรงแรมนี้จะอยู่ทางด้านหลังของเมืองเก่าลี่เจียง  ปกติคนจะไปลงด้านหน้าที่มีกังหันน้ำ
เป็นจุดเริ่มต้นกัน แต่เราไปลงโรงแรมเลยที่อยู่ทางด้านหลัง  รถจอด เดินลง ถึงโรงแรม จบ


ถึงแล้วก็เช็คสภาพห้องพัก  ห้องนึงจะมี 3 เตียง 2 เตียง  เตียงใหญ่ 
แตกต่างกัน  แบบห้องรวม 5 เตียงก็มี  โดยรวมสะอาดพอใช้ แต่ค่อนข้างเงียบ
อาจจะเป็นเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการมากนัก  ทริปนี้
ทั้งโรงแรม เลยเป็นของพวกเรา  มีน้ำดื่มให้ด้วยนะที่นี่ แต่ต้องทวงกันหน่อย
ห้องพักมีไวไฟ  ผ้าห่มไฟฟ้า เสียบปลั๊กแล้วนอนอุ่น  มีทีวีห้องน้ำในตัว
ไม่มีอาหารเช้า


ระหว่างที่รออาหมวยเคลียร์ห้องพัก  สาวๆ ก็มาชงชากิน




และหลังจากที่เก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย กองทัพจำเป็นต้องเดินด้วยท้อง 
เราลองถามรถเช่าดูเพื่อที่จะขึ้นไปภูเขาหิมะ  คำนวณราคาในใจ  และ
จะลองไปถามราคาจากเอเจ้นท์ด้วย  เพราะคณะเราค่อนข้างเยอะ น่าจะมีอำนาจในการต่อรอง
พอสมควรนะ  เจอร้านค้านึง ลองเข้าไปดูราคาน้ำดื่ม  มาม่ากระป๋อง เห็นกระป๋องออกซิเยน
มีขายอยู่ในราคา 15 หยวน  สมาชิกต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะซื้อติดตัวไปเลยกันคนละกระป๋อง
ต่อราคาได้ที่  12 หยวน  ต่อ 1 กระป๋องก็เลยซื้อกันไว้เลย


คำนวณราคากันแบบไม่มีใครยอมใคร




ระหว่างนั้นก็เดินกันไป


สตอเบอรี่ที่นี่ไม่แพงเท่าไร


ผ่านร้านขายทัวร์หลายๆ เจ้า ก็เดินเข้าต่อราคากันหน่อย  ต่อกันไป 3-4 ร้าน
จดจำราคาไว้ก่อน  ว่าได้ราคาไหนดีที่สุดก็เลือกร้านนั้น  เราได้ 1 ร้าน
เจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เธอก็พยายามที่จะใช้กูเกิ้ลทรานสเลท
แปลกันกับเราได้ราคามากันที่คนละ 630  หยวน  ไปทั้งหมด 4 ที่ โดยประมาณ
เพราะเราคำนวณคร่าวๆ ถ้าจ้างรถไปเอง เฉพาะค่ารถ ค่าโชว์จางอวี้โหมว ค่าขึ้นกระเช้า
ภูเขาหิมะมังกรหยก ก็มากกว่า 600++  หยวนแล้ว  เลยซื้อทัวร์จากเอเจ้นท์นี่แหละง่ายดี
ได้ไปหลายที่ด้วยน่าจะคุ้มกว่าแถมไปกลับรับ ส่ง จบรวดในขั้นตอนเดียว


เรากลับมากันที่โรงแรมเพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าเราจะขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกกัน
เราตื่นกันแต่เช้าเพราะรถจะมารับตอน  6-7 โมงเช้า  ไล่ปลุกสมาชิกแต่ละห้องกัน
งัวเงียกันขึ้นมาเตรียมตัว  รถมาจอดรออยู่บนถนนแล้ว 2 คัน


สมาชิกรถก็มุ่งหน้ากันไปตามโปรแกรม



ผ่านด่านก่อนเข้าไปในเขตอุทยาน ก็ต้องเอาพาสปอร์ตให้คนขับรถไปจัดการเรื่องตั๋ว
ที่นี่ บัตรนักศึกษาใช้ไม่ได้  โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า  นักศึกษาต้องอายุไม่เกิน 22 ปีเท่านั้น 
ฮิ้ววววววววววว



แอบเหล่คันสอง อิอิอิอิ จุ้บจุ้บ อิอิอิ
พี่นิกกับพี่เอ๋ยิ้มหวานสู้กล้องแข่งกับคนขับรถ


ถึงลานจอดรถ  คนขับรถแจกเสื้อกันหนาว พร้อมออกซิเยน เราบอกขอ 2 ได้ป่ะ 
เขายัดให้ 3 เลย  เราก็นึกว่าทำไมใจดีจัง  ...... ให้ตั้งเยอะแยะแน่ะ  ใครจะไปใช้หมด
คือจริงๆ เราซื้อกันมาตั้งแต่เมืองเก่าลี่เจียง แล้วกับกระป๋องออกซิเยน  
แต่ทัวร์ก็มีให้อีก  แต่อ่ะนะ คนไทย  พอบอกของฟรี ก็คว้าเลยทีเดียว



พอมาถึงจะมีจุดรอรถ  แต่รู้สึกว่าจริงๆ แล้ว จะต้องไปรอขึ้นตรงจุดขึ้นรถไปเข้าแถว
แต่คณะเรารู้สึกจะวีไอพี  คือรอได้จากข้างล่างเลย พอรถมาก็ขึ้นเลย  
พร้อมๆ กับที่แถวจะปล่อยคนมาขึ้นเหมือนกัน  เรารวมตัวกันถ่ายภาพหมู่สักหน่อยเป็นที่ระลึก 
 ทริปนี้ตั้งใจมานาน  เพิ่งจะมีโอกาสได้มา



รถจะมาส่งยังจุดขึ้นกระเช้า ก็เข้าแถวรอคิวขึ้นกระเช้าไป


บรรยากาศภายในกระเช้า  ทุกคนดูตื่นเต้นกันมากๆ



เราเองก็เช่นกัน 


ขึ้นมาถึงข้างบนแล้ว  เกิดอาการวูบวาบนิดนึง  ควักออกซิเยนมาสูด
เพราะเคยได้ยินความร้ายกาจของอาการแพ้ที่สูงจากอินเตอร์เนต
และหนังสือมาบ้างแล้ว ว่าที่ภูเขาหิมะมังกรหยก มีหลายคนเกิดอาการ
เพราะความสูงที่มากกว่า  400 เมตร  อาการแบบนี้เราไม่เคยเป็น แต่
พอเดินได้สักหน่อย เหมือนจะวูบ วิงเวียน คลื่นไส้  เราอัดออกซิเยนกระป๋อง
ไปเฮือกใหญ่  ไอ้ที่ตุนมา 3 กระป๋องดูท่าจะใช้หมดซะแล้ว  ถึงว่า
ตอนเราหยิบมา 3 ป๋อง  คนขับรถมันยิ้มๆ ไม่ว่าอะไรเราเลย  ชิๆ


สาวๆ ถ่ายรูปกันหนุกหนาน  เราแทบไม่ได้เดินไปไหนเลย  ได้แต่ยืนดูวิว แบบหงอยๆ 

ส่วนพี่นิกกับพี่ล้านสู้ตายที่ระดับความสูง 4000+ เมตร


น้องเปิ้ลก็ไม่น้อยหน้า



พี่สุกับพี่กบแอบหนีไปเล่นหิมะกันสองคน




แค่นี้ก็จะตายแล้ว ออกซิเยนที่ตุนไว้หมดแล้ว  จนพี่สุ ให้มาอีกกระป๋อง
เพราะคงเห็นสภาพเราแล้ว ไม่ไหวจะเคลียร์   น่ารักจัง อิอิ




โอยยย    จะเป็นลมมมมมม


ผ่านพ้นความทรมานไป  บอกให้สมาชิกทยอยลงกระเช้า ไปยังจุดนัดหมายข้างล่าง


แล้วขับต่อไปดูโชว์จางอวี้โหมว อันสุดแสนจะอลังการ


โชว์จางอวี้โหมวเป็นภาษาจีน โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะมังกรหยก
เป็นเรื่องราวระหว่างความรัก ระหว่างชนเผ่า และสงคราม ดูรู้มั่งไม่รู้มั่ง
แต่ก็ตั้งใจดูกันเป็นอย่างดี 













ออกจากจางอวี้โหมว  ก็ไปต่อกันที่ ไปสุ่ยเหอ  หรือ Blue moon valley 
ประมาณ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน แต่มีบางส่วนที่รัฐบาลจีนทำเทียมขึ้นมา
อากาศดี วิวสวยเหมือนในภาพโปสการ์ดเลยล่ะ  สำหรับที่นี่






หลังจากนั้นกองทัพก็เดินด้วยท้อง เราให้คนขับรถแวะร้านข้าวแถวนั้น 
เพราะทุกคนดูแล้วจะหิวทุกคน   ก่อนอื่นก้อต้องลองชาร้อนๆ กันก่อน


งานนี้คนขับรถมาช่วยดูแลด้วย  


คือเราจะหยิบใบชาตากแห้งในกระปุก ใส่แก้ว  แล้วรินน้ำร้อนลงไป 


อาหารบางส่วนมาแล้ว ประมาณ ข้าวไข่เจียวกับไก่ผัดพริกนะถ้าจำไม่ผิด
โดยข้าวไข่เจียว ฝีมือน้องไบค์ ลงมือเจียวกันเองเลย  


น้องเจียว ซดมาม่าโชว์


ตรงนี้แหละที่รู้สึกว่าจะถูกสร้างขึ้นมาเหมือนเอาปูนไปก่อทำเลียนแบบหินธรรมชาติ
เราเดาเอาว่า เพื่อความสวยงาม






แวะถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ  สมาชิกสนุกกันมากค่ะ  กับอากาศเย็นๆสบายๆ  
ไม่ร้อนทำให้ไม่เหนือยมาก  ก่อนจะกลับที่พักเพื่อพักผ่อนกันในช่วงเย็นๆ 


กลับถึงโรงแรม ก็ต้องรีบไปซื้อตั๋วรถไฟที่สถานี  เป็นตั๋วนอนเที่ยวเย็นเพื่อไปถึงคุนหมิง
ในตอนเช้าแล้วต่อรถไปสนามบินกัน  สถานีรถไฟห่างจากตัวเมืองเก่าลี่เจียงพอสมควร
เราเดินขึ้นไปเรียกรถตู้เล็กที่จอดเรียงรายกันอยู่ด้านบน  ต่อราคาไปกลับได้ที่  40-60  หยวน
โดยประมาณ  แต่กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจ  สถานีรถไฟ ภาษาจีนเรียกว่า    โหเฉ่อจ้าน
ได้อาสาสมัคร 4 คน พร้อมแล้วก็เก็บพาสปอร์ตของทุกคนไปกันเลย


มาถึงสถานีรถไฟลี่เจียง  ค่อนข้างใหญ่โตและโอ่อ่าพอสมควร



ตู้นอนจะเป็นเตียงสองฝั่ง ฝั่งละ 3 ชั้น ราคาแตกต่างกันออกไป มีหมอน มีผ้าห่มให้
ทุกครั้งที่ซื้อต้องใช้พาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนด้วย


เจ้าหน้าที่ขายตั๋วกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ต้องใช้ทั้งภาษามือ  ภาษาเขียน ภาษากาย
ทำท่าทำทางกันไป  จนได้  การซื้อตั๋วรถไฟที่นี่ต้องใช้พาสปอร์ตในการซื้อทุกคน
และทางที่ดีศึกษาภาษาจีนไปด้วยก็ดี จะมีประโยชน์มากๆ เพราะคนส่วนใหญ่
ไม่พูดภาษาอังกฤษกัน  แต่โดยรวมก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใส เต็มใจบริการ




ได้ตั๋วแล้ว เราก็มาโดดหน้าสถานี เพื่อสร้างตำนาน อิอิอิ


แต่เราโดดไม่ขึ้น แหะ แหะ 


กลับถึงที่พักก็เย็นพอดี  เย็นนี้เราให้สมาชิกแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมกัน
ตามอัธยาศัย  ไม่ว่าจะอาหารเย็น  ของฝาก  เดินชมเมือง  เพราะเป็น
คืนสุดท้ายที่เราจะได้ชิวๆ กันในเมืองเก่าลี่เจียง  ก่อนที่เย็นพรุ่งนี้
เราจะนั่งรถไฟกลับคุนหมิงเพื่อไปสนามบินแล้วบินกลับไปไทยกัน



เราเริ่มแยกย้ายกันไปตามใจ  ก่อนอื่นต้องไปหาไรกินก่อนสำหรับเย็นนี้


น้องไบค์นักสำรวจของเรา  บอกว่า  ในเมืองเก่าลี่เจียง มีฟู้ดคอร์ทอาหารด้วย
ข้างในจะมีอาหารมากมายหลายอย่างให้เลือกทาน   โดยเดินออกมาจากที่พัก
ชั่วอึดใจ ไม่ไกลนัก เราเดินกันมาเรื่อยๆ จะมีร้านแบบฟู้ดคอร์ทให้เลือกอีก 2-3 ร้าน


น้องไบค์นำเสนอร้านนี้  เราโผล่หน้าเข้าไปดู  โดยรวมถือว่าใช้ได้ 
แต่เราจำชื่อร้านไม่ได้แล้ว  เลยไม่ได้จดมาบอกกัน  


ภายในมีอาหารมากมายหลายอย่างจริงๆ  ทั้งปิ้งๆ ย่าง  ทั้งข้าว  ทั้งเส้น
ทั้งน้ำ  ทั้งของกินเล่น กินจริง เยอะพอสมควร  สามารถสั่งแล้วจ่ายเงิน
ได้เลยจากตรงที่เราสั่ง ราคาโดยประมาณ  15-30  หยวน


เราเห็นปลาหมึกผัดชิ้นอวบๆ น่ากิน เลยสั่งมาทานในราคาถ้วยละ  25 หยวน
แต่กินได้ไม่กี่ชิ้นก็ต้องจำใจทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย  เพราะเขาใส่สมุนไพร หมาร่า
มาด้วย ทำให้ลิ้นเราชา  มากๆ   ทานอะไรไม่ได้เลย   เข็ดเลย  ตอนสั่งอ่ะไม่รู้ 
เห็นเขาใส่อะไร ก็พยักหน้า  เอาอย่างเดียว   คราวหน้าก่อนจะสั่งอะไร  
คงต้องดูดีๆ ก่อน ว่าจะใส่สมุนไพรหมาร่าอีกไหม  อาจจะใส่น้อยๆ 
ก็ได้ค่ะ  แต่ทางที่ดีอย่าใส่เลยดีกว่านะ 



อิ่มแล้ว ก็เดินเล่นกันต่อ  เราเดินกันไปจนถึงลานกว้างของเมืองเก่าลี่เจียง
ซึ่งตรงนี้จะออกแนวลานอเนกประสงค์  เป็นจุดนัดพบก็ว่าได้ เพราะจะมีตู้ประชาสัมพันธ์อยู่
เย็นๆ จะมีชาวเผ่านาซีมารำโชว์ กันเป็นวงกลม  ใครจะไปแจมเต้นก็ได้นะคะ
แต่ที่สำคัญห้ามไปโดนตัวนักแสดง ไปจับมือถือแขนเขาไม่ได้นะ 
บางทีเขาสะบัดเอา  ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจนะจากที่เราดูๆ  แต่อาจจะด้วยวัฒนธรรม
ห้ามถูกเนื้อต้องตัวกันล่ะมั้ง  คุณผู้ชายอาจจะต้องระวังหน่อย 
เผลอไปถูกเข้า อาจจะเสียหมูเสียไก่โดยไม่รู้ตัวนะคะ  อิอิอิอิ



ไม่นานพระอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า ความมืดเริ่มคืบคลาน  แต่เมืองเก่าลี่เจียง
ทุกร้านจะพร้อมใจกันเปิดไฟ  ประโคมแสงสีกันอย่างคึกคักสวยงามเลยทีเดียว


เดินวนขวามา เราก็จะเจอกังหัน  สัญลักษณ์อมตะของลี่เจียง



ยามค่ำคืนคนจะเริ่มออกมาเดินเล่น มีทั้งผับ บาร์  ร้านอาหาร  ร้านของฝาก
มากมายๆ ให้เลือกดู ชม ซื้อ ตามความสนใจ  มีทั้งโรงแรมที่อยู่ในละแวก
ใกล้ๆ ด้วย แต่ราคาก็อาจจะเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย


รูปประธาน เหมา เจ๋อ ตุง  มีกันแทบจะทุกร้าน




ร้านขายเครื่องดนตรี  คนขายจะตีกลองประกอบเพลงจีน ฟังแล้วไพเราะมาก
ไพเราะจนสมาชิกซื้อซีดีเพลงกลับกันหลายแผ่น แต่เอากลับไปฟังแล้ว
ไม่เพราะเหมือนฟังทีร้าน คงเพราะขาดกลองนะเราว่า  55555


ค่ำคืนนี้เราแยกย้ายกันหลับพักผ่อน  ตื่นมาอาบน้ำเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเช็คเอ้าท์
ออกจากโรงแรมในช่วงเที่ยง  โดยวันนี้มีโปรแกรมเหมารถเที่ยวรอบๆ ลี่เจียง 
ในตอนบ่ายก่อนที่จะให้รถไปส่งสถานีรถไฟในตอนเย็น
สมาชิกกรอกน้ำดื่มฟรีไว้ติดตัวไประหว่างเดินทาง  บางอย่างไม่จำเป็นต้องหาซื้อ
ขวดน้ำดื่มเก่าๆ เราก็ไม่ได้ทิ้ง เลยเอามากรอกกับเขาด้วย


เนื่องจากทั้งโรงแรมไม่มีใครมีแต่พวกเรา   ห้องครัวจึงตกเป็นของพวกเราด้วย
น้องไบค์ซื้อไข่ มาทำไข่เจียว ทำข้าวต้ม เป็นอาหารเช้า  เราเลยตามมาเก็บ
รายละเอียดด้วยคน แม้ซอสจีนจะไม่มีความเค็มเลยก็ตาม  แต่เราก็กิน
คราวหน้าต้องพกน้ำปลาไปจีนซะแล้วมั้ง


บังรอนกับพี่มา ทำกับข้าวกินกัน เรียกเสียงจามจากพวกเราที่นั่งอยู่ห้องข้างๆ


ห้องข้างๆ ห้องครัว เป็นห้องนั่งเล่นไพ่นกกระจอกเทศ  พวกเราเลยมานั่งแจมเสียหน่อย


อาหมวยอาตี๋ ผู้ดูแล


เสร็จแล้วสมาชิกพร้อมก่อนขึ้นไปรอรถที่เราเรียกมา  ก็อำลาโรงแรมด้วยภาพหมู่กันสักหน่อย


รถตู้เล็ก 3 คัน สำหรับ  17 คน  ตอนแรกเราตกลงราคาไว้ที่ 100  หยวน  คนขับโอเค 
แต่พอทุกคนขึ้นรถ  แล้วรถออก  คนขับก็ขอเพิ่มอีก 30  หยวน  เป็น 130 หยวน
จริงๆ อ่ะ  เราก็จะให้ทิปเพิ่ม 50 หยวน  เป็น 150    แต่เขาขอมาแค่นี้ เลยดี ให้ 130 แหละ 
ไม่ต้องทิปเพิ่ม อิอิอิ  แต่คนขับรถตอนเราไปภูเขาหิมะนี่ดีมากๆ  ค่ะ  ดูแล 
ขากลับ เราให้ทิปคนละ 50 หยวน เขาไม่ยอมรับเลย  ทำยังไงก็ไม่เรา  กลายเป็นว่า
เราต้องขอบคุณเขาแทนซะงั้น   เห็นมะ บางทีคนเราจะไปเหมาว่าใครจะเหมือนใคร
ไม่ได้หรอก อุปนิสัยของคนแต่ละพื้นที่ ไม่เหมือนกัน มีทั้งดีและไม่ดี  แต่โดยรวม
ทริปหนาวนี้ของเรา  ค่อนข้างเจอคนดีๆ  เลยทำให้การเที่ยวสนุกมากยิ่งขึ้น



ออกจากโรงแรม  เราตกลงกับคนขับรถว่า  ขอไป  3 ที่ คือ  สระมังกรดำ
สวนเทพเจ้าตงป้า และหมู่บ้านซูเหอ




ระหว่างทางมีรถกำลังทำความสะอาดถนน  เก๋อ่ะ




ถึงแล้วที่แรก  เฮยหลงถัน หรือสระน้ำมังกรดำ ที่นี่ต้องโชว์ใบเข้าเมืองเก่าลี่เจียงด้วย
ราคา 80 หยวน ถ้าเราจ่ายที่ลี่เจียงแล้ว  เราก็สามารถเข้าฟรีได้ที่นี่
แต่ถ้าไปลี่เจียงแล้วเรายังไม่ได้จ่าย ก็ต้องมาจ่ายที่นี่แทน  โดยจ่ายแล้วก็เก็บตั๋วไว้
เพราะไปที่อื่นก็ต้องโชว์ด้วย



ด้านในจะมีจุดท่องเที่ยวให้ชม  เราแวะดูจิตรกรชาวจีนผู้ใช้เพียงนิ้ววาดภาพ
ชายคนนี้วาดได้สวยมาก  เขาพูดภาษาอังกฤษน้ำไหลไฟดับ  
เขาชวนให้เราอุดหนุนภาพของเขา  แต่ราคา .... เอิ่ม.......


สระมังกรดำถือว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดแห่งนึงในลี่เจียง
ผู้คนต่างมาพักผ่อน ทำกิจกรรมกัน  บ้างก็มาเล่นดนตรี  ร้องเพลง 
บ้างก็พาครอบครัวมาเดินเล่น นั่งเล่น





ดอกพญาเสือโคร่งๆ เหมือนที่เมืองไทย




ภายในระหว่างทางจะมีร้านผลไม้  ร้านลูกชิ้นไส้กรอก  ร้านขายของที่ระลึก



ที่ได้ชื่อว่าสระมังกรดำ เพราะตำนานเล่าว่า  มีคนเคยพบมังกรดำ อยู่ภายในสระนี้นั่นเอง




เราเดินวนจนรอบจึงมาถึงทางออก  ประตูเข้า-ออก จะมี 2 ทิศ  สามารถเข้าออกทางทิศไหนก็ได้
แต่คนขับรถจอดให้เราลงทิศนึงและกลับอีกทิศนึง  ซึ่งจะเป็นการเดินแบบไม่ย้อนกลับ
ออกมาแล้วก็มาขึ้นรถที่คนขับรถมาจอดรอแล้ว


ออกจากสระมังกรดำ เราจะไปกันต่อ  ออกจากที่นั่นมาเราจะเห็นได้ว่าในลี่เจียง
ไม่ว่าคุณจะไปทางไหน คุณก็จะเห็นภูเขาหิมะเป็นฉากหลังเสมอ


ที่ 2  ที่เรามาถึงกันก็คือ สวนเทพเจ้าตงป้า Dongpa God Garged 
ก่อนจะเข้ามาชมที่นี่ เราก็ต้องโชว์ตั๋วเมืองเก่าลี่เจียงด้วย  จึงจะได้ส่วนลดค่าเข้า เหลือ 15 หยวน
โดยประมาณ  แต่ถ้าไม่มี หมายถึงเราจะเจออีกราคานึงค่ะ  

ตามความเชื่อของเผ่านาซี  ได้เชื่อว่า โลกเรานี้มี 3 ส่วน ทั้ง มนุษย์ ปีศาจและสวรรค์ของเทพเจ้า
โดยทางเดินตรงกลางจะเป็นเรื่องเล่าระหว่างโลกมนุษย์ไปจนสวรรค์  จะมีทางเดิน 2 ฝั่งซ้ายขวา
โดยที่ตรงการห้ามลงไปเดินโดยเด็ดขาด


สมาชิกเดินกันไป เราจะเดินไปกันจุดสุดทาง



ก็จะถึงตำหนักเทพเจ้าที่เราเชื่อกันว่าเป็นสวรรค์  สามารถเดินเข้าไปข้างในและ
ขึ้นไปชมวิวยังชั้นสองได้  


กงล้อ 12 นักษัตร


ถึงทางเข้าแล้วสมาชิกก็ทยอยกันเข้าไปยังตำหนักเทพเจ้า


ทางเข้ามีเจ้าหน้าที่มาตีกลองเป็นการบอกให้เทพเจ้ารับรู้


เข้าถ้ำกัน


ภายในจะมีจุดนมัสการเทพเจ้า ใครจะแวะขอพรก็ได้นะ 



แล้วเดินต่อขึ้นบันได้ไปยังชั้นสอง หรือจะเดินออกไปข้างนอกเลยก็ได้


ระหว่างทางจะเป็นสวนพืชพรรณไม้  และการจำลองวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่านาซี
โดยมีการทำแปลงผัก  รูปแบบบ้าน การเก็บพืชผัก และข้าวของเครื่องใช้แบบในอดีต



จะมีคุณลุงมารดน้ำผักโชว์  ผักเขางามมากๆ เราว่าคงเป็นเพราะรดน้ำโชว์
นักท่องเที่ยวกันทั้งวันอ่ะนะ 


บรรยากาศภายในบริเวณบ้าน



คนขับรถหนุ่มน้อยของเรามาช่วยถ่ายรูปและพาเดินเที่ยว  น่ารักอ่ะ อิอิอิ


แต่ก็ยังไม่วาย  มี กขคงจ... ฮ    อิอิอิอิ




ภายในสวนตงป้า จะมีรูปแกะสลักไม้เป็นรูป คน สัตว์ ปีศาจและเทพเจ้าต่างๆ 
เต็มไปหมด  ตั้งเรียงรายกันไป 





ลีลาการเป่าเขาสัตว์


รำดาบ ตีฉิ่งฉับกันไปตามเรื่อง


เสร็จจากสวนเทพเจ้าตงป้า  คนขับรถก็พาเราไปหมุ่บ้านนาซี  เป็นหมู่บ้านเก่าอีกที่นึง
คล้ายๆ เมืองเก่าลี่เจียง แต่ไม่ใหญ่เท่า  ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชม  เราร้องขอคนขับรถว่า
สมาชิกหิวกันแล้ว  คงต้องหาร้านอาหารทานกันก่อน



หมู่บ้านนาซี จะเป็นหมู่บ้านเก่าของชาวเขาเผ่านาซี ที่นี่อนุรักษ์ไว้  
แต่เราเห็นว่านักท่องเที่ยวมากันไม่เยอะนัก  ภายในจะมีร้านอาหาร ของฝากของกิน


อันนี้เป็นเหมือนแป้ง เอามาจี่ๆ ในกะทะ  กินกับน้ำราด  คล้ายกุ้ยช่ายทอดบ้านเรา
แต่จะเละๆกว่า ไม่มีไส้


เราและสมาชิกได้ร้านอาหารนั่งทานกันแล้ว  ราคามีตั้งแต่  10-20 หยวน  
ทั้งข้าว ก๋วยเตี๋ยว  เลือกสั่งกันได้ตามชอบ ร้านนี้ออกแนวอินเตอร์ เพราะ
เมนูเป็นภาษาอังกฤษด้วยแหละ  บรรยายเสร็จสรรพว่ามีอะไรบ้าง



ภายในร้านก็มีมุมให้เขียนบันทึกแปะติดจากลูกค้าและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม
มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน   ป้ายเหลืองๆอันเล็กๆนั่นของเราเอง  


บังรอนอดใจไม่ไหวกับสาวนาซี ต้องไปขอถ่ายรูปด้วย  


ส่วนพี่มา ไม่น้อยหน้า  ก็ขอแชะภาพมาด้วยเหมือนกัน 


ทำเวลาจากที่นั่นแล้วพอสมควร  คนขับรถกลัวเราไม่ทันไปสถานีรถไฟ 
โดยให้เหตุผลว่า  กลัวเราตกรถไฟ  หากไปหมู่บ้านซูเหอ  
เราต้องขอร้องแกมบังคับว่า  15 นาทีเหอะ ให้ชั้น  เพราะเขาบอกว่า
เขาว่า หมุ่บ้านนาซี  และหมู่บ้านซูเหอไม่แตกต่างกัน 
แต่เราก็ขอไปสักหน่อย อย่างว่าเนอะ คนไม่เคยไปก็อยากเห็นเป็นธรรมดา 
แต่เราขอเวลาเดินเพียง 15 นาที  เท่านั้น  คนขับเลยโอเค แวะมาส่งพวกเรา
ทางเข้าแล้วจะจอดรออยู่ที่ลานจอดรถ   เราร้องบอกสมาชิกว่า
มีเวลา 15 นาทีนะคะ แล้วกลับมาขึ้นรถ ขอให้ทุกท่านทำเวลาด้วย
สมาชิกทุกคนรับทราบแล้วต่างแยกย้ายกันไป  






พี่ต้นดูแล้วจะสนใจม้าเป็นพิเศษในเมืองเก่าซูเหอ  อิอิอิอิ

ภายในคึกคักแบบเมืองเก่าลี่เจียง เพราะเน้นขายของเป็นหลัก


มีที่แขวนกระดิ่งอธิษฐานด้วย



ครบ 15  นาที เราก็กลับมาที่รถกัน  ทำเวลากันน่าดู  แต่เมืองเก่าซูเหอ
จริงๆ แล้วก็ไม่แตกต่างแหละ   แต่เราว่า ดูเมืองเก่าลี่เจียงที่เดียวก็โอเคแล้วนะ 

คนขับรถพาไปเราไปส่งที่สถานีรถไฟ  ที่นี่เราต้องผ่านการแสกนตรวจตรากระเป๋า รวมทั้ง
พาสปอร์ตก่อนเข้าไปภายในด้วย  สมาชิกบางคนใช้ออกซิเยนไม่หมดจึงหวังว่าจะเอากลับมาใช้
ที่ไทยต่อ  แต่ทางจุดตรวจไม่ยอม  ไอ้ครั้นจะทิ้งไปเฉยๆ  ก็จะเสียเชิงไทย
เราเลยงัดมาสูดกันซะให้หมดเลยไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว  ทุกคนขมีขมันในการสูดออกซิเยน
กันเป็นอย่างมาก  เราก็ช่วยสูดไป 1 กระป๋อง  อิอิอิอิ
กฎก็ต้องเป็นกฎ  เพราะนี่เป็นกฎความปลอดภัยของสถานีรถไฟของเขา
                                                           ซึ่งพวกเราก็ยอมรับกันโดยดี





ชานชาลาที่เราจะขึ้นยังไม่เปิดให้เข้าไป  พอได้เวลา จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว
แล้วจึงไปขึ้นรถไฟได้


เข้าไปแล้วก็หาที่นั่งที่นอนตามตั๋ว   เตียงนอนจะมีสามชั้น  
1 ล๊อคจะมี 2 ฝั่ง  ฝั่งละ 3 เตียง ราคาลดหลั่นกันไป


มีหมอนกะผ้าห่มให้ แอร์เย็นสบาย



ก่อนนอนได้เบียร์ 1 กระป๋องจากพี่บังรอน  หลับสบายละตรู อิอิ


เราไปถึงสถานีรถไฟกันประมาณ ตี 5  ก็เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา นั่งตั้งหลักกัน
ในสถานีรถไฟกันก่อน   ก่อนที่จะออกมาขึ้นรถเมล์ สาย 80  ค่าขึ้นรถคนละ  2 หยวน 
แต่เราแอบหย่อยไป 1 หยวน อิอิอิ  ก็คนมันเยอะอ่ะ  เลย  งงๆ แต่คนขับก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่รถสาย  80 ไม่ได้ไปถึงสนามบินโดยตรงนะคะ ตรงไปเปลี่ยนขึ้นรถ  919B1 กันอีก
ที่อีกสถานีนึง  โดยรถจะไปจอดแล้วเราจะลงไปรอรถ 919B1  กันอีกที  ในราคา 13 หยวน 
ไปส่งที่สนามบิน ซึ่งจะใช้เวลากันเป็น ชม เลยทีเดียว  จากเดิมที่เราคิดว่า
ไปถึงคุนหมิงเช้าแล้วเที่ยวคุนหมิงสักหน่อย ค่อยไปสนามบิน  แต่เราไม่ได้ไปเรา
ลองไปสนามบินก่อนแล้วค่อยนั่งรถไฟจากสนามบินเข้าเมือง  แต่ปรากฎว่า
ระยะเวลาจากสถานีรถไฟ  โดยการนั่งรถเมล์ไปสนามบินนั้นใช้เวลากัน 2-3 ชม 
เลยไม่มีเวลาเหลือพอเพื่อไปชมเมืองคุนหมิงเลยค่ะ


มาถึงแล้วก็หาไรกินกัน  แล้วไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ 
ข้างในเราเองก็ยังต้องเผื่อเวลาอีก เพราะ ตม จีน ขึ้นชื่อเรื่องความช้า
เราบินกันตอนเที่ยงๆ  นั่นหมายความว่า  9 โมง เราควรจะถึงสนามบินเพื่อเช็คอิน
ไปต่อคิวผ่าน ตม. กันแล้วค่ะ 




การเดินทางทริปนี้สิ้นสุดลง  เราได้เพื่อน ได้พี่ได้น้อง ได้มิตรภาพมากมาย
เป็นทริปนึงที่เราจะต้องจดจำไปแสนนาน  กับการผจญภัยไม่สิ้นสุด
ทริปหนาวนี้ที่ลี่เจียง  ขอบคุณสมาชิกทุกคนค่ะที่ร่วมผจญภัยไปด้วยกัน
และขอขอบคุณภาพบางส่วนจากน้องไบค์ น้องแบนและสมาชิกท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ 


ปล. และไม่ว่าจะมีข้อผิดพลาดประการใดเกิดขึ้นทั้งก่อนเริ่มทริปและหลังร่วมทริป
ดอกไม้ทะเลทรายขอน้อมรับแต่เพียงผู้เดียวค่ะ 


ติดตามการเดินทางค้นหาตัวตน กับนักเดินทางแบบประหยัดได้ที่เพจดอกไม้ทะเลทราย 
https://www.facebook.com/DxkmiThaleThrayDesertFlower?ref_type=bookmark

ทางเดินที่แสนยาวไกล........ค้นให้เจออีกครึ่งในใจ.........
ฉันไม่รู้.. มันอยู่อีกไกลเท่าไร...




รวมภาพสมาชิกและความประทับใจ ชมได้ที่
http://slide.ly/view/7c8b9f36bf2b4f909ed1c2b80366a63d



























































บทความที่ 2

ทำวีซ่าจีน   V2013

http://lijing9430.blogspot.com/2013_12_01_archive.html